วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ชามือ เนื่องจากเส้นประสาทอักเสบ หรือ สมอง


 วันนี้จะคุยกันเรื่อง เส้นประสาทที่ข้อมืออักเสบ Carpal Tunnel Syndrome ( Median Nerve Entrapment) นะคะ หลักๆ เน้นกันเรื่องนี้ :)

มักคำถามเสมอว่า 1.อาการชามือ เกิดจากสาเหตุใดบ้าง 2.จะทราบได้อย่างไรว่า อาการมือชาเกิดจากเส้นประสาทอักเสบ
3.เส้นประสาทอักเสบมีอันตรายหรือไม่ อย่างไร
1.ปวดชาที่มือ โดยฉพาะ ปลายนิ้วมือ มากๆ ที่นิ้วโป้ง นิ้วชี้ หรือ อาจทั้ง สามนิ้วของโป้ง ชี้ กลาง ถ้าเส้นประสาทอักเสบมากขึ้นจะชา ปวดทรมานจนไม่สามารถนอนหรือทำงานได้ตามปกติ เช่น อาจมีตื่นกลางดึกเนื่องจากชามือ พิมพ์คอมพิวเตอร์ไม่ได้เนื่องจากชามาก หยิบจับของ เช่นปากกา ปักผ้า ล้างจาน หันผักไม่ได้ พอสะบัดมือหรือพักสักครู่อาการก็ดีขึ้น




2. หยิบของไม่ถนัด เนื่องจากชา ทำให้จับของเล็กไม่ถนัด เขียนหนังสือไม่ได้
  
5.มีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง
      1. รักษาด้วยยา กายภาพบำบัด พักมือ ประคบอุ่นหรือแช่น้ำร้อน ใส่splint

      1. รักษาด้วยการฉีดยาลดบวมที่ข้อมือ
      2. รักษาด้วยการผ่าตัด
6.ผู้ป่วยต้องดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง และ 7. เราควรดูแลตัวเองอย่างไรเพื่อป้องกันห่างไกลจากโรคนี้
      1. สังเกตอาการถ้าเป็นระยะต้น เช่น ชาเป็นๆ หายๆ อันนี้รีบรักษามักหายดี บางรายหายสนิทได้ ให้หลีกเลี่ยงท่าทางที่ทำให้เกิดอาการมือชา เช่น ท่าการใช้คอมพิวเตอร์ หิ้วกระเป๋าถือหนักๆ เป็นเวลานาน ถือของย้ายของที่หนักเกินข้อมือจะรับได้
      2. แต่ถ้ามีอาการชาถาวรตลอดเวลา การรักษาด้วยยาอาจไม่เพียงพอ มักต้องตรวจเส้นประสาท เพื่อดูว่าเส้นประสาทอักเสบระยะไหนแล้ว รุนแรงหรือไม่ จำเป็นต้องผ่าตัดหรือป่าว
      3. ถ้ามีอาการอ่อนแรง ลีบ แล้วมักรักษาด้วยยาไม่ได้ การผ่าตัดเพื่อป้องกันไม่ให้ลีบหรืออ่อนแรงเพิ่มเติมไปกว่าเดิม

3. กล้ามเนื้อในมืออ่อนแรง ลีบ



4.เส้นประสาทอักเสบ เป็นสัญญาณเตือนว่าจะเป็นโรคใดได้หรือไม่
      1. ส่วนใหญ่มักเป็นจากการใช้งานมือข้อมือเยอะ ๆ ซ้ำ ๆ เช่น อาชีพพิมพ์ดีด ต้องทำงานใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน อาชีพแม่บ้าน ขับมอร์เตอร์ไซค์ ขี่จักรยาน อาชีพครู ซึ่งใช้ข้อมือเยอะ หรือ ตำแหน่งกดทับที่ข้อศอก เช่น ชอบนั่งเท้าคาง นอนตะแคงทับแขนตัวเอง
      2. ที่พบรองลงไปคือ เกิดจากเส้นเลือดเล็กๆ ที่เลี้ยงเส้นประสาทอักเสบ หรือ มีอาการบวม เช่น คนที่เป็นเบาหวาน คนท้อง โรคเอสเอลอี

      1. ต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า คำว่า ชาคือ หนาๆ ไม่ค่อยรู้สึก รู้สึกเหมือนเป็นเหน็บ ไม่ใช่อาการอ่อนแรง ภาษาอังกฤษเรียก numbness เพราะบางคนรู้สึกว่า ชาคืออ่อนแรง มือไม่มีแรง
      2. สาเหตุของอาการชาอาจแบ่งง่ายๆ ตามตำแหน่งของกายภาพที่พบบ่อยๆ ตำเเหน่งแรกคือ 1.สมอง โรคที่พบบ่อยที่ทำให้เป็น เช่น เส้นเลือดสมองตีบแตก เนื้องอก ทำให้มือชา หน้าชา อาจมีอาการร่วมกับอ่อนแรง 2.ไขสันหลัง เช่น กระดูกคอเสื่อมกดทับเส้นประสาทหรือไขสันหลังอักเสบ 3.แผงเส้นประสาทที่คออักเสบหรืออุบัติเหตุกดทับแผงเส้นประสาท 4.เส้นประสาทส่วนปลายถูกกดทับทำให้เส้นประสาทขาดเลือดและเกิดการอักเสบของเส้นประสาทที่ข้อศอกหรือข้อมือ ซึ่งสามารถแยกว่าเป็นตำแหน่งไหนนั้นได้ด้วยการซักประวัติตรวจร่างกายคะ
      3. ระยะแรกของอาการเส้นประสาทอักเสบ อาการอาจแค่มีอาการชามือทั้งมือหรือปลายนิ้วมือ โดยส่วนใหญ่มักรู้สึกชามากที่นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ ร้าวมาที่แขนได้ มักเป็นในช่วงที่ใช้งานมือเยอะๆ เช่น ตอนหิ้วของ กระเป๋าถือ ยกหูโทรศัพท์ กวาดบ้าน ซักผ้า บิดผ้า พิมพ์คอมพิวเตอร์ ขี่จักรยาน รดน้ำต้นไม้ ถ้าอาการเป็นเพิ่มขึ้นอาจทำให้ปวดชามือ ร้าวมาแขนช่วงกลางคืน ตื่นมาสะบัดๆ มือดีขึ้นได้ ถ้ายังปล่อยทิ้งไว้หรืออาการเป็นเพิ่มขึ้นอาจทำให้มีอาการอ่อนแรง ลีบของมือ หยิบจับของไม่ถนัดได้
พรุ่งนี้มาต่อกันคะ

ขอบคุณที่มาคะ ของรูปสวยๆ คะ
http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/imagepages/1081.htm