วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ปวดศีรษะ ไมเกรน - โรคหลอดเลือดสมอง Headache ; Migraine, Tension Headache - Stroke

หลายคนที่เป็นไมเกรน อาจมีความกังวลว่า ปวดศีรษะบ่อยจะทำให้เป็นอัมพฤตอัมพาตได้หรือไม่ วันนี้เลยสรุปบทความที่น่าสนใจมาให้อ่านกัน สนุกๆ คะ ขอบคุณแหล่งที่มา Lancet Neurol 2011; 11 : 92-100 ชื่อหัวข้อ Migraine and stroke: a complex association with clinical implications ปวดศีรษะ คืออะไร ??? คือ ความรู้สึกปวดที่ หน้า ศีรษะ ถึง คอ มีสาเหตุจากอะไรบ้าง ??? สาเหตุแบ่งใหญ่ๆ เป็น ปวดศีรษะที่มีสาเหตุ เช่น ปวดตาต้อหิน ความดันโลหิตสูง อุบัติเหตุทางสมอง เนื้องอกในสมอง ปวดฟัน ปวดกรามข้อต่อขากรรไกร แต่ส่วนใหญ่ 90%มักปวดศีรษะไม่ทราบสาเหตุ สามารถปวดแปล๊บเดียว เป็นพักๆ หรือ ปวดเรั้อรังก็ได้
ไมเกรนคืออะไร ??? ไมเกรนและโรคหลอดเลือดสมอง มีความสัมพันธ์กันอย่างซับซ้อน ยังไม่การศึกษายืนยันชัดเจนว่า ไมเกรนที่ไม่มีออร่า มีความสัมพันธ์กับโรคหลอดเลือดสมอง แต่กลับพบว่า ไมเกรนมีออร่าพบความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นสองเท่า สมาคมInternational Headache Society(IHS) แบ่งไมเกรนเป็น 2 ชนิด 1.ไมเกรนที่ไม่มีออร่า 2.ไมเกรนมีออร่า จะพบแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น โดย 33% พบว่ามีอาการไมเกรนทั้งสองแบบ เพิ่มเติมจากบทความนะคะ ขอบคุณรูปจากหนังสือ Headache ว่า ต้นเหตุของไมเกรน คือ pain center หรือ แกนสมองที่ศูนย์ควบคุมความเจ็บปวด ได้รับการกระตุ้น ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ระบาดวิทยา ปัจจัยเสี่ยงอัมพฤต อัมพาต??? มีหลายการศึกษาพบว่า ไมเกรนเพิ่มอัตราการเป็นโรคเส้นเลือดสมองตีบประมาณ 2 เท่า โดยเฉพาะในการศึกษาไปข้างหน้าพบว่า กลุ่มที่เสี่ยงคือ กลุ่มที่มีไมเกรนแบบมีออร่า และ กลุ่มที่เสี่ยงสูงสุดคือ กลุ่มที่มีปวดศีรษะบ่อยๆ สูงมากขึ้นในคนที่สูบบุหรี่ และยิ่งสูงมากๆ เป็น 10 เท่าใน ผู้หญิงที่ใช้ยาคุมกำเนิดและสูบบุหรี่ มีรหัสพันธุกรรมที่พบว่า อาจมีความสัมพันธ์ในการเพิ่มโรคหลอดเลือดสมองในกลุ่มไมเกรนที่มีออร่า เช่น MTHFR, ACE, MEPE ซึ่งยังต้องรอการศึกษาต่อไปว่าทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างไร เอกซเรย์ของคนที่เป็นไมเกรนเป็นอย่างไร??? พบว่าถ้าทำเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็ก หรือ MRI ในคนที่เป็นไมเกรนจะพบ จุดเล็กๆ ที่ตำแหน่งปลอกหุ้มประสาทในสมอง มากกว่าคนปกติ 4 เท่า โดยพบว่า จุดพวกนี้มีความสัมพันธ์กับปริมาณการความรุนแรง ความถี่ของการปวดศีรษะไมเกรน โดยการศึกษา CAMERA พบว่า ไมเกรนที่มีออร่า มีความสัมพันธ์กับเส้นเลือดสมองตีบที่ก้านสมอง และสมองส่วนcerebellum แต่จากศึกษาของประเทศฝรั่งเศสพบว่ายิ่งคนที่อายุตั้งแต่ 65 ปี ที่มีไมเกรนออร่า มีความสัมพันธ์กับเส้นเลือดสมองตีบนอกก้านสมองด้วย ไมเกรน สัมพันธ์กับ เส้นเลือดแตก หรือ ตีบ ??? ไมเกรนออร่า เกี่ยวข้องการยืดย่น หดขยายของเส้นฝอยทั่วสมองเสีย จึงเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะเส้นเลือดสมองแตก ตีบ โดยพบว่า ไมเกรนออร่ามี ปัจจัยเสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกเพิ่มขึ้น 2.25 เท่า โดยเส้นเลือดสมองตีบจะพบเพิ่มขึ้นในคนสูงอายุขึ้น โดยมักเป็นที่ตำแหน่งเส้นเลือดฝอยในสมอง ซึ่งยังต้องรอการศึกษาเรื่องสมมุติฐานการต่อไป การศึกษาไปข้างหน้า 2785 หญิงวัยกลางคน พบว่า ไมเกรนมีความสัมพันธ์กับเส้นเลือดสมองตีบ 1.5 เท่า เมื่อไรต้องเอกซเรย์ MRI ??? ควรทำ ในผู้ป่วยที่มีออร่าที่ไม่ใช่ลักษณะเฉพาะของไมเกรนออร่า , ไมเกรนออร่าในผู้สูงวัย , มีปวดศีรษะบ่อยๆ มีปวดศีรษะด้านตรงข้ามกับออร่าด้านตรงข้าม ซึ่งบ่งว่าเป็นจากการทำงานของสมองด้านนั้นทำงานผิดปกติ
จะทำอย่างไรเมื่อเป็นไมเกรน??? แนะนำเมื่อเป็นไมเกรน ควรได้การตรวจตา ตรวจระบบประสาท เอกซเรยสมอง ตรวจหลอดเลือดสมอง เช่น อัลตร้าซาวด์หลอดเลือดสมอง(TCD Study) และ คอ (Carotid Duplex)เพราะถ้าพบผนังหลอดเลือดหนาตัวขึ้น (atheroma) การรับประทานแอสไพรินขนาดเล็กน้อยช่วยป้องกันเส้นเลือดสมองตีบได้ และยังพบว่าช่วยลดไมเกรนให้น้อยลงได้ และการควบคุมปัจจัยตั้งแต่เนิ่นๆที่ยังไม่มีอาการสามารถลดอัมพาตที่รุนแรงได้ ในคนที่อายุน้อย จำเป็นที่สมควรหาสาเหตุ และติดตามใกล้ชิด เช่น ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง ประกอบด้วย ไขมันในเลือดสูงซึ่งอาจจำเป็นต้องรับประทานยาไขมัน ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไทรอยด์เป็นพิษ แนะนำให้หยุดบุหรี่ และ เลิกรับประทานฮอร์โมนหรือยาคุมกำเนิดกลุ่มที่มีเอสโตรเจนไมเกรนที่ไม่มีออร่า ไม่ได้เพิ่มปัจจัยเสี่ยงหรือมีความสัมพันธ์กับโรคหลอดเลือดสมองชัดเจน นอกจากค้นหาปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง เช่น ไขมันในเลือด ในคนที่เป็นไมเกรนออร่าควรได้รับการตรวจหาปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง และป้องกัน เช่น ให้หยุดบุหรี่ เปลี่ยนการคุมกำเนิดชนิดที่มีเอสโตรเจนเป็นชนิดโปรเจสโตเจน ในคนที่นานๆ ปวดศีรษะ มักไม่จำเป็นต้องรับประทานยาป้องกัน และการรับประทานยาป้องกันไมเกรนยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าป้องกันอัมพฤต อัมพาตได้ ยังไม่มีข้อบ่งชี้ในการให้แอสไพรินในคนที่เป็นไมเกรนออร่าที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง เพื่อป้องกันเส้นเลือดสมองตีบ เพราะมีโอกาสเลือดออกเพิ่มขึ้นเช่นกัน อ่านแล้ว หวังว่า จะทำให้เข้าใจ โรคปวดศีรษะมากขึ้น ไม่มากก็น้อยนะคะ ^^